พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party; ญี่ปุ่น: ????? Jiy?-Minshut? ?) มักนิยมย่อว่า พรรคแอลดีพี (LDP) หรือ พรรคจิมินโต (ญี่ปุ่น: ??? Jimint? ?) เป็นพรรคการเมืองหลักฝ่ายอนุรักษนิยมของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในพรรคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดพรรคหนึ่งของโลก โดยพรรคเสรีประชาธิปไตยครองเสียงข้างมากในรัฐสภาญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พ.ศ. 2498 ยกเว้นช่วงเวลาสั้นๆตั้งแต่พ.ศ. 2536 ถึง พ.ศ. 2537 และจาก พ.ศ. 2552 ถึง พ.ศ. 2555 พรรคเสรีประชาธิปไตยกลับมาครองเสียงข้างมากในรัฐสภาจากการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่นปีพ.ศ. 2555 ในปัจจุบันพรรคเสรีประชาธิปไตยของญี่ปุ่นครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภา (115 เสียง) และในสภาผู้แทนราษฎร (295 เสียง)
พรรคเสรีประชาธิปไตยของญี่ปุ่นถือกำเนิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2498 จากการรวมตัวของสองพรรคได้แก่ พรรคเสรีนิยม (Liberal Party; ญี่ปุ่น: ??? Jiyut? ?) ซึ่งนำโดยนายโยะชิดะ ชิเงะรุ (ญี่ปุ่น: ??? Yoshida Shigeru ?) และพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (Japan Democratic Party; ญี่ปุ่น: ????? Nihon Minshut? ?) ของนายฮะโตะยะมะ อิชิโร่ (ญี่ปุ่น: ???? Hatoyama Ichir? ?) ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อันเป็นการรวมตัวกันของพรรคอนุรักษนิยมฝ่ายขวาขนาดใหญ่ทั้งสองพรรค เพื่อเป็นการต่อต้านพรรคฝ่ายซ้ายอื่นๆในญี่ปุ่นขณะนั้นเช่น พรรคสังคมนิยมญี่ปุ่น (Japan Socialist Party; ญี่ปุ่น: ????? Nihon Shakait? ?) หรือ พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น (Japan Communist Party; ญี่ปุ่น: ????? Nihon Ky?sant? ?) ในสมัยต่อมาหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยว่า ในช่วงสงครามเย็น สำนักข่าวกรองกลางหรือ CIA ของสหรัฐอเมริกาได้ใช้เงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์ทำให้พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ลัทธิคอมมิวนิสต์รุ่งเรืองขึ้นในญี่ปุ่น
ตลอดช่วงเวลาเกือบหกสิบปีในการบริหารประเทศของพรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคเสรีประชาธิปไตยได้นำพาญี่ปุ่นผ่านความรุ่งเรืองและวิกฤตการต่างๆ ในช่วงสงครามเย็นเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกว่า ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ (Economic Miracle) โดยมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างฝ่ายนักการเมืองในรัฐบาลและฝ่ายบริษัทขนาดใหญ่ ความสอดคล้องระหว่างนโยบายของรัฐกับความต้องการของเอกชน และการแทรกแซงของรัฐเป็นปัจจัยที่สำคัญ นอกจากนี้พรรคเสรีประชาธิปไตยนโยบายส่งเสริมช่วยเหลือสวัสดิการแก่คนยากจน ทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยได้รับการสนับสนุนจากทุกส่วนของสังคมญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญปัญหาหยุดนิ่งและตกต่ำในช่วงทศวรรษที่ 1990 อันเนื่องมาจากการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา และการแข็งตัวของค่าเงินเย็นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ช่วงเวลา "สิบปีแห่งความสูญเปล่า" (Lost Decade) ความนิยมในพรรคเสรีประชาธิปไตยลดลงอย่างมาก ทำให้พรรคญี่ปุ่นใหม่ (Japan New Party; ญี่ปุ่น: ???? Nihon Shint? ?) ซึ่งแยกตัวออกมาจากพรรคเสรีประชาธิปไตยสามารถเอาชนะพรรคเสรีประชาธิปไตยในการเลือกตั้งปีพ.ศ. 2536 ได้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่สองที่พรรคเสรีประชาธิปไตยสูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภาให้แก่พรรคอื่นและกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เป็นอยู่ในช่วงเวลาเพียงแค่ 11 เดือนเท่านั้น การเลือกตั้งในปีพ.ศ. 2537 พรรคเสรีประชาธิปไตยสามารถกอบกู้เสียงข้างมากกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง
สมัยของนายกรัฐมนตรีจุงอิชิโร โคะอิซุมิ (ญี่ปุ่น: ?? ??? Koizumi Jun'ichir? ?) ตั้งแต่พ.ศ. 2544 ถึงพ.ศ. 2549 สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่ญี่ปุ่นและพรรคเสรีประชาธิปไตย โดยเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจของพรรคจากที่เน้นการแทรกแซงของรัฐบาลมาเป็นการเน้นการค้าเสรีและกลไกตลาด อันเป็นผลทำให้ญี่ปุ่นสามารถฟื้นตัวจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจได้ และนายกรัฐมนตรีโคะอิซุมิยังมีนโยบายชาตินิยมโดยมีความพยายามที่จะฟื้นฟูอำนาจทางการทหารของญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ และการเดินทางไปยังศาลเจ้ายะซุกุนิซึ่งได้รับการประท้วงจากประเทศต่างๆในเอเชีย อย่างไรก็ตามด้วยนโยบายทางเศรษฐกิจของนายโคะอิซุมิทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางอีกครั้ง
พรรคเสรีประชาธิปไตยของญี่ปุ่นมิได้มีหลักปรัชญาทางการเมืองหรืออุดมการณ์ที่ชัดเจน อันเนื่องมากจากระยะเวลาอันยาวนานในการบริหารประเทศทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยมีความหลากหลายทางด้านนโยบาย อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาเกือบหกสิบปีที่ผ่านมาทำให้อาจสรุปได้ว่า นับตั้งแต่สมัยของนายกรัฐมนตรีจุงอิชิโร โคะอิซุมิเป็นต้นมา พรรคเสรีประชาธิปไตยมีนโยบายเน้นการค้าเสรีเป็นหลัก ส่งเสริมกลไลตลาดโดยมีการแทรกแซงของรัฐบาลให้น้อยที่สุด และมีนโยบายสานสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพึ่งพิงสหรัฐอเมริกาในด้านการทหารและการต่างประเทศ และมีนโยบายชาตินิยม โดยเยือนศาลเจ้ายะซุกุนิของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสร้างความไม่พอใจแก่ประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออก
หลังจากที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนครบสองวาระในพ.ศ. 2549 นายกรัฐมนตรีจุงอิชิโร โคะอิซุมิ ตัดสินใจที่จะยุติบทบาททางการเมืองและส่งนายชินโซ อะเบะ (ญี่ปุ่น: ???? Abe Shinz? ?) เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2549 นายชินโซ อะเบะ ได้รับการเลือกตั้งด้วยความนิยมในพรรคเสรีประชาธิปไตยอันเนื่องมาจากความสำเร็จของอดีตนายกรัฐมนตรีโคะอิซุมิ แต่ทว่าหลังจากที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียงหนึ่งปี นายชินโซ อะเบะ ก็ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค อันเนื่องมาจากประเด็นการคอรัปชั่นที่นำไปสู่การอัตวินิบาตกรรมของรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร และการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกปีพ.ศ. 2550 พรรคเสรีประชาธิปไตยสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภาให้แก่พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (Japan Democratic Party)
ในเดือนกันยายนพ.ศ. 2550 นายยะซุโอะ ฟุกุดะ (ญี่ปุ่น: ???? Fukuda Yasuo ?) เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายอะเบะ แต่นายกรัฐมนตรีฟุกุดะต้องประสบกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นเสียงส่วนใหญ่ และวุฒิสภาซึ่งมีพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นเป็นเสียงส่วนใหญ่ อีกหนึ่งปีต่อมาเดือนกันยายนพ.ศ. 2551 นายฟุกุดะจึงลาออกจากตำแหน่งไปอีกคนหนึ่ง นายทะโร อะโซ (ญี่ปุ่น: ???? As? Tar? ?) เข้าดำรงตำแหน่งแทน ก็ประสบกับปัญหาเดียวกัน จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีอะโซตัดสินใจยุบสภาในเดือนกันยายนพ.ศ. 2552
การเลือกตั้งทั่วไปพ.ศ. 2552 ปรากฏว่าพรรคประชาธิปไตยที่เป็นพรรคคู่แข่งได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ที่พรรคเสรีประชาธิปไตยต้องกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน หลังจากที่สูญเสียอำนาจให้แก่พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นเป็นเวลาสามปี การเลือกตั้งทั่วไปพ.ศ. 2555 พรรคเสรีประชาธิปไตยกลับมาได้รับความนิยมคะแนนเสียงข้างมากอีกครั้ง โดยมีนายชินโซ อะเบะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/พรรคเสรีประชาธิปไตย_(ญี่ปุ่น)